แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อาหารเกาหลี 한식 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อาหารเกาหลี 한식 แสดงบทความทั้งหมด

การเลือกซื้อโสม


โสม เกาหลีจะถูกเก็บเกี่ยวหลังจากการปลูกเป็นเวลา 4-6 ปี
รากโสมที่ขุดได้ใหม่สด จะเรียกว่า "ซูซัม" จะมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 75% จึงมักจะเน่าเสียได้ง่าย ทำให้ยากในการเก็บรักษาโสมสดให้นานกว่า 1 สัปดาห์ จึงได้เกิดกรรมวิธีในการรักษารากโสมให้แห้งหรือที่เรียกว่า "โสมขาว" "โสมแดง" หรือ ราชาแห่งโสม ได้จากการนำรากโสมที่มีอายุ 6 ปีและต้องมีคุณภาพดี ที่ผ่านการเลือกสรรแล้ว มาผ่านขบวนการอบไอน้ำ และอบแห้งด้วยความพิถีพิถันทำให้ได้โสมที่ยังคงรูปร่างเดิม เพียงแต่สีเท่านั้นที่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง และยังสามารถเก็บได้นานกว่า เกรดของโสมมี 3 ชนิด คือ โสมสวรรค์ (Heaven) โสมโลก (Earth) โสมชั้นดี (Good) ขบวนการผลิตโสมแดงนี้ ทำให้เกิด สารจินซีโนซายด์ มากถึง 26 ชนิด ในขณะที่โสมชาวมี 23 ชนิด ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ในขณะที่โสมที่มาจากแหล่งอื่นมีเพียง 8-15 ชนิดเท่านั้น โสมพืชสมุนไพร นี้มีคุณสมบัติพิเศษช่วยให้พลังงานและความมีชีวิตชีวา เหมาะสมสำหรับผู้ที่รู้สึกหมดกำลัง เหนื่อยล้า หรือไม่ตื่นตัว หอบหืด โรคกระเพราะ ความดัน เตรียมรับมือกับสถานะการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดได้เพราะเป็นบ่อเกิดของ โรคหัวใย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม โสมไม่ใช่เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ให้ผลเฉพาะครั้งที่รับประทานซึ่งทำให้ เหนื่อยล้ามากว่าเดิม หลังจากหมดฤทธิ์ และยังทำให้อย่างรับประทานเครื่องดื่มบำรุงกำลังเพิ่มขึ้น ส่วนโสมแตกต่างออกไป โดยผู้ทานโสมจะไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในทันทีทันใด แต่โสมจะค่อย ๆ เพิ่มประสิทธิภาพให้ผู้ทานอย่างช้า ๆ การบริโภคโสมอย่างสม่ำเสมอจะนำมาซี่งสุขภาพที่แข็งแรง มีพลังงานเพียงพออย่างต่อเนื่องและทำให้กระฉับกระเฉงกระปรี้กระเปร่ามีชีวิต ชีวาขึ้น รากของโสมที่นำมาผ่านขั้นตอนกรรมวิธีในการผลิตต่าง ๆ แล้ว จะมีหลายประเภท เช่น ประเภทรากโสม รากโสมผสมน้ำผึ้ง โสมเป็นไซรับ โสมเป็นผง หรือโสมที่บรรจุเป็นแคปซูล

1. รากโสม รากโสมจะเป็นราก ๆ ที่บรรจุใส่กล่องเหล็กมีประมาณ 15 ตัวขึ้นไป นิยมนำมาต้มโดยใส่ประมาณ 1-2 ราก ต่อน้ำ 3 แก้ว แล้วเคียวด้วยไฟอ่อน ประมาณ 2 ชั่วโมง (ไม่ควรต้มในหม้อเหล็ก) ระวังอย่าให้ตัวโสมไหม้ พอโสมอ่อนตัวลง ก็นำมาใช้ประกอบอาหารได้ตามอัธยาศัย

2. รากโสมผสมน้ำผึ้ง รกโสมผสมน้ำผึ้งนี้ จะบรรจุในพลาสติก แล้วนำใส่กล่องเหล็กอีกที วิธีใช้ คือ นำรากน้ำผึ้งมาหั่นบาง ๆ ประมาณ 2 มิลลิเมตร แล้วเคี้ยวทานได้เลย เคี้ยวได้หลายครั้งในแต่ละวัน พยายามเคี้ยวทานอย่างสม่ำเสมอ หรือ อาจจะเอาชิ้นที่หั่นบาง ๆ นั้นมาใส่ในเครื่องดื่มที่ท่านโปรดปรานก็ได้

3. โสมที่เป็นไซรับ หรือคล้ายน้ำผึ้ง อันนี้จะถูกบรรจุใส่ขวดแก้ว แล้วจะนำมาบรรจุใส่กล่องไม้อีกทีหนึ่ง ในหนึ่งกล่องจะประกอบด้วยจำนวน 6 ขวด วิธีใช้ ก็คือ ใช้ช้อนที่บรรจุด้านในตักโสมสกัดด้านในแค่ 1 ช้อน ใส่ลงในน้ำร้อน 1 ถ้วย ผสมน้ำผึ้งบริสุทธิ์ แล้วคนให้เข้ากัน แล้วดื่นทาน ดื่มวันละประมาณ 2-3 ครั้ง

4. โสมผง โสมผงจะมีลักษณะเป็นสีขาว ที่ถูกบรรจุในขวดพลาสติกทึบ แล้วใส่ในกล่องไม้อีกที ใน 1 กล่องจะมี 6 ขวด วิธีใช้ก็คือ ตักโสมผง 1 ช้อนลงในน้ำร้อนแล้วใส่น้ำตาล หรือน้ำผึ้งเพื่อปรับรสชาติให้น่าทาน หรือว่าจะตักโสมผง 1 ช้อนลงในเครื่องดื่มที่ท่านชอบก็ได้ รับประทานวันละ 2-3 ครั้ง สำหรับท่านสุภาพสตรี โสมผงยังสามารถใช้เป็นยาบำรุงผิวพรรณได้ด้วย คำ นำเอาส่วนไข่แดงของไข่ไก่ 1 ฟอง มาแล้วตักโสมผง1 ช้อน จากนั้นตีเข้าด้วยกัน หั่นแตงกวาออกเป็นชิ้นบาง ๆ นำมาชุบในส่วนผสมให้มาด ๆ แล้ว พอกไว้ที่หน้าประมาณ 15-20 นาที สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะทำให้ผิวพรรณดีขึ้น รักษาสิวฝ้า และโรคผิวหนังบริเวณใบหน้า

5. โสมเม็ด โสมเม็ดนี้จะถูกบรรจุลงในขวด แล้วบรรจุใส่ในกล่องกระดาษแข็งอีกครั้ง ใน 1 กล่อง จะบรรจุประมาณ 100-200 เม็ด โสมเม็ดนี้จะเหมาะสำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก เพราะสามารถนำมาทานได้ทันที รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง


ขอบคุณ : http://www.thaifly.com/TH/guide/korea.php#som

파전 (พาจอน) : พิซซ่าเกาหลี



파전 (พาจอน) : พิซซ่าเกาหลี
มันคล้ายๆหอยทอดไทยนะ มันจะเป็นเหมือนไข่เจียวทะเล ใส่ต้นหอมหั่นยาว ใส่พริก(ไม่เผ็ด) ลองนึกเนื้อหอย กุ้ง ปลาหมึกแน่นๆ กับไข่เจียวกรอบๆ จิ้มกับแจ่ว อร่อยๆ ดีนะค่ะ

เครื่องปรุง

1. ต้นหอม

2. พริก

3. กุ้ง หอย ปลาหมึก แล้วแต่ชอบ
4. แป้งสาลีผสมน้ำและเกลือด้วยนิดหน่อย




วิธีทำ

1. เตรียมวัตถุดิบให้พร้อม

2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน

3. วางต้นหอมทั้งต้นลงไปต่อกันให้มันเป็นแพ แล้วราดแป้งสาลีผสมน้ำลงไปให้ทั่วต้นหอม

4. จัดกุ้งหอยปลาหมึกลงไปบนต้นหอม

5. วางพริกลงไป ทอดให้ด้านล่างกรอบก่อน

6. พลิกกลับลงไปอีกข้าง

7. รอจนกรอบแล้วเอาขึ้นจากเตา

8. รับประทานได้เลย จะกินกับน้ำจิ้ม




ส่วนผสมของน้ำจิ้ม

1. ซอสปรุงรส 50 มล.

2. น้ำสมสายชู 1 ½ ช้อนโต๊ะ

3. พริกป่น ½ ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ

5. งาคั่ว ½ ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมันงา ½ ช้อนโต๊ะ

7. ต้นหอม 1 ½ ช้อนโต๊ะ



วิธีทำน้ำซอส

นำส่วนผสมของน้ำจิ้มทั้งหมดมาผสมรวมกัน พร้อมรับประทานพร้อมกับพาจอนค่ะ



ที่มา : http://koreastory.org

หมี่เนื้อ (Ommyun)


หมี่เนื้อ (Ommyun)

ส่วนผสม
เส้นโซเมียน (หรือเส้นโซเม็ง) 150 กรัม
น้ำสต๊อกเนื้อ 3 ถ้วย
เนื้อวัวสไลซ์ชิ้นบาง 150 กรัม
พริกจาลาโปโนหรือพริกชี้ฟ้าสีเขียว ผ่าตามยาว 2 เม็ด
หอมใหญ่ผ่าครึ่งหั่นบางตามขวาง 1/2 หัว
ต้นหอมญี่ปุ่นหั่นเฉียงหรือหั่นท่อน 1 ต้น
เห็ดหอมสดตัดโคนแข็งออก บั้งเป็นลาย 4 ดอก
กระเทียบบุบ 4 กลีบ
เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น 2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ตีพอเข้ากัน 2 ฟอง
พริกไทยป่นสำหรับโรย

ส่วนผสมน้ำสต๊อกเนื้อ
เนื้อวัวส่วนอก 600 กรัม
กระดูกวัว (1.2 กิโลกรัม) 1 ชิ้น
น้ำ 35 ถ้วย
ขิงหั่นท่อนยาวขนาด 2 นิ้ว ทุบพอแตก 1 ชิ้น
พริกไทยดำบุบพอแตก 12 เม็ด
ผงฮอนตาชิ 1 ช้อนชา

วิธีทำน้ำสต๊อกเนื้อ
1. ทำน้ำสต๊อกเนื้อโดยล้างเนื้อวัว ส่วนอกและกระดูกวัวให้สะอาด ใส่ลงในหม้อ เติมน้ำ ใส่ขิง พริกไทยเม็ด ผงฮอนตาชิ ยกขึ้นตั้งบนไฟกลาง ต้มให้เดือด หมั่นช้อนฟองทิ้งจนน้ำซุปใส
2. ลดเป็นไฟกลางค่อนข้างอ่อน เคี่ยวนาน 2 ชั่วโมง กับอีก 45 นาที หรือจนเนื้อวัวสุกนุ่ม (จะเหลือน้ำซุปเคี่ยวประมาณครึ่งหนึ่ง)
3. ตักน้ำสต๊อกเนื้อที่เคี่ยว 3 ถ้วย กรองด้วยผ้าขาวบาง นำน้ำสต๊อกเนื้อและเนื้อวัวส่วนอกไปแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาจนเย็นจัด ช้อนไขมันที่จับตัวกันเป็นแผ่นในน้ำสต๊อกทิ้ง เตรียมไว้

วิธีทำก๋วยเตี๋ยว
1. ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟกลาง ใส่เส้นหมี่แห้งลงต้ม พอเดือดเติมน้ำอีก 2-3 ครั้ง จับเวลา 2 นาที พอเส้นสุก ตักขึ้นล้างน้ำเย็น พักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ
2. ตั้งหม้อน้ำสต๊อกเนื้อบนไฟกลางจนเดือด ใส่เนื้อวัว พริกจาลาเปโนหรือพริกชีวฟ้าสีเขียวผ่าตามยาว หอมใหญ่ ต้นหอมและเห็ดหอม ต้มจนสุก ใส่กระเทียม ปรุงรสด้วยเกลือและซอสถั่วเหลือง ต้มให้เดือดค่อยๆเทไข่ใส่ให้ทั่ว คนเบาๆให้ไข่แยกตัวออกจากกัน พอไข่สุก ปิดไฟ
3. ใส่เส้นหมี่ลวกลงในถ้วย ตักน้ำซุปใส่โรยพริกไทยป่น เสิร์ฟร้อนๆ(สำหรับรับประทาน 4 คน)หมายเหตุ เส้นหมี่ควรเสิร์ฟทันทีหลังจากสะเด็ดน้ำ ระหว่างต้มเส้นบะหมี่อย่าลืมดูหม้อก๋วยเตี๊ยวด้วยนะคะ


ที่มา: http://www.horapa.com/content.php?Category=Korean&No=706%3E%3Cspan%20class=

ไก่ตุ๋นโสมเกาหลี




ไก่ตุ๋นโสมเกาหลี (ซัม-กเย-ทัง 삼계탕)
ชาวเกาหลีมักจะทาน ไก่ตุ๋นโสม เพื่อเป็นการเพิ่มพลัง (คล้ายๆบ้านเราที่จะกินต้มเลือดหมู) ด้วยโสมเกาหลีที่มีสรรพคุณมากมายทำให้เป็นอาหารที่ชาวเกาหลีมักจะทานเมื่อรู้สึกหมดแรง หรือทานเป็นอาหารมื้อปกติก็ได้ ซึ่งรสชาตินั้นก็จะมีความเป็นเอกลักษณ์คือ จืดมาก แต่เขาก็ยังมีเกลือและพริกไทย เพื่อเพิ่มเติมรสชาติให้อร่อยขึ้นอีกด้วย

ส่วนประกอบ(สำหรับ 4 ที่)

1. ไก่ตัวเล็ก 1 ตัว (ตอนนี้ไข้หวัดนกระบาด )
2. โสม 3-4 หัว
3. ลูกเกาลัด 3-4 ลูก
4. พุทรา 6-7 ลูก
5. sweet rice 1/3 ถ้วย
6. กระเทียมปอกเปลือก 8 กลีบ
7. ขิงปอกเปลือก
8. เกลือ
9. พริกไทย
วิธีทำ
1. ล้างไก่ให้สะอาด
2. ล้างข้าว , โสม , เกาลัด และพุทรา
3. ยัดข้าวเข้าไปในตัวไก่
4. ตั้งน้ำ ใส่ไก่ , โสม , เกาลัด , พุทรา , กระเทียม และขิง โดยให้น้ำท่วมตัวไก่ เคี่ยวไปเรื่อยๆ ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
5. ตักไขมันที่ลอยอยู่ข้างบนทิ้งเป็นบางช่วงด้วย6. เสิร์ฟกับเกลือและพริกไทย
Credit : www.koreankitchen.com

น้ำซูจองกวา 수정과

수정과 น้ำซูจองกวา (ชินาม่อนหรืออบเชย)
ชาวเกาหลีนิยมทานน้ำซูจองกวา กับอาหารเกาหลี หรือจะดื่มกับของว่างอร่อยๆ เพื่อความสดชื่นและแก้เลี่ยน ด้วยความหอม หวาน ที่เป็นเอกลักษณ์ของอบเชยหรือชินาม่อน ทำให้ผู้ที่ได้ลิ้มรสต่างติดอกติดใจกัน โดยมีวิธีการทำง่ายๆ ดังนี้


ส่วนผสม
- อบเชย
- ขิง
- น้ำเปล่า
- น้ำตาล
- เม็ดสน
- ลูกพลัมเเห้ง


วิธีทำ
เติมน้ำเปล่า ใส่ก้านอบเชย เเละขิงลงในหม้อใบใหญ่ ต้มเเล้วเเล้วทิ้งให้เดือดประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง
เติมน้ำตาล (อันนี้ขึ้นอยู่กับความชอบนะค่ะ หวานมาก หวานน้อย)
เสร็จเเล้วก็ทิ้งให้เย็นแล้วนำใส่ตู้เย็นเเล้วถ้าต้องการดื่มก็ตักใส่ถ้วยเเละเเต่งหน้าด้วยลูกพลัมเเห้งกับเม็ดสนค่ะ จะทานเป็นร้อนหรือเย็นก็ได้ค่ะ

ซี่โครงย่าง 갈비[คาลบิ]



ซี่โครงย่าง 갈비คาลบิ


ส่วนผสม

1. เนื้อหมู หรือเนื้ออื่นๆ (แต่ต้องเป็นเนื้อหมูแบบติดกระดูก)
2. น้ำปลา
3. เห็ด
4. น้ำตาล
5. ต้นหอมซอย
6. งา
7. พริกป่นเกาหลี
8. ซอสหอยนางรม
9. น้ำมันงา
10. น้ำพริกเกาหลี โคชูจัง
11. ขิง
12. ผักกาดเขียวสด
13. พริกอ่อน
14. มันฝรั่ง



วิธีทำ

นำเนื้อหมูมาหมัก ใส่น้ำปลา น้ำตาล ต้นหอมซอย พริกป่นเล็กน้อย ซอสหอยนางรม น้ำมันงา น้ำพริกเกาหลี ขิง หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที
แล้วนำขึ้นย่างบนไฟ โดยทานกับเครื่องเคียงผัดกาดเขียวสด พริกอ่อนเพื่อแก้เลี่ยน หรือข้าวสวยร้อนๆ ก็ได้ค่ะ






비빔밥 (พิพิมบับ)




비빔밥 (พิพิมบับ)

สำหรับ วันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักดาราเกาหลี ไม่มีใครไม่รู้จักประเทศเกาหลี และไม่มีใครไม่รู้จักอาหารเกาหลี ซึ่งมีกิมจิเป็นตัวชูโรง ดังนั้นเมื่อใครต่อใครมีโอกาสเดินทางไปเกาหลี การได้ทำอาหารประจำชาติอย่างกิมจิดูสักครั้งจึงเป็นหนึ่งในรายการที่อยาก ทดลอง การไปโรงเรียนสอนทำกิมจิแล้วได้มีโอกาสสวมถุงมือพลาสติกใส แล้วขยำพริกที่ผ่านการปรุงเรียบร้อยแล้วค่อย ๆ ยัดใส่เข้าไปตามใบผักกาดขาวที่ผ่านการหมักดองมาแล้วเช่นกัน ก่อนจะมาใส่ชุดประจำชาติอย่างฮันบกถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก อาจเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับโปรแกรมทัวร์ทั่ว ๆ ไป
แต่เมื่อไม่นานมา นี้ ณ จังหวัดคังวอน ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของสกีรีสอร์ทและธรรมชาติอันงดงาม เพิ่งมีการเปิดตัวโรงเรียนสอนทำอาหารเกาหลีอย่างเป็นทางการ หลังจากผ่านภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วมเมื่อปีก่อน โรงเรียนที่ว่านี้ จะสอนการทำเมนูอาหารเกาหลีตั้งแต่ง่ายไปจนถึงขั้นแอดวานซ์ สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้อย่างจริงจัง เริ่มต้นด้วยข้าวยำเกาหลีไปจนถึงเมนูยอดฮิตสำหรับคนไทยอย่างหมูย่างเกาหลี ที่มีเทคนิคและเคล็ดลับพิเศษที่ทำให้หมูย่างเจ้าตำรับแท้ ๆ อร่อยจนหลายคนติดใจ
พิบิมบับ หรือข้าวยำเกาหลีที่ ว่านั้น เป็นเมนูในระดับเริ่มต้นที่ทุกคนเรียนได้ไม่ยาก เพราะมีเครื่องปรุงที่ตระเตรียมได้ง่าย ตั้งแต่ไข่ทั้งแดงและขาวทอดหั่นฝอย ตามมาด้วยเนื้อหมูสับรวน ผักนานาชนิดทั้งแบบสดและต้ม ที่เหลือก็คือข้าวสวย น้ำมันงา และน้ำพริกเกาหลี ขั้น ตอนการทำก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก เพียงแต่ขอให้มีศิลปะในการจัดวางส่วนประกอบต่าง ๆ เท่านั้น โดยผักแต่ละชนิดจะถูกวางเรียงอย่างสวยงามในชาม ก่อนจะตามมาด้วยการโรยไข่หั่นฝอยและหมูไว้ด้านบน แล้วราดด้วยน้ำมันงาและน้ำพริกเกาหลีตามความชอบ เวลารับประทานก็ค่อย ๆ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดจนเป็นเนื้อเดียวกันเท่านั้น เคล็ดลับของ การทำอาหารที่นี่นอกจากฝีมือของอาจารย์ผู้สอนล้วน ๆ แล้ว ส่วนประกอบในการปรุงเมนูอาหารเกาหลีตั้งแต่กิมจิ ซีอิ๊ว ไปจนถึงน้ำพริกสไตล์เกาหลี ล้วนมีความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งเครื่องปรุงต่าง ๆ ที่ว่าจะต้องผ่านการหมักตามวิธีดั้งเดิมตั้งแต่ต้นจนจบ และถูกเก็บรักษาไว้ในห้องควบคุมอุณหภูมิที่สร้างไว้ที่ชั้นใต้ดินของบ้าน ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ ส่วนไหกิมจิหลายขนาดที่วางเรียงกันอยู่หน้าบ้าน นั้น อย่าเข้าใจว่าเป็นการตั้งโชว์ไว้เฉย ๆ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการเป็นโรงเรียนสอนทำกิมจิเท่านั้น แต่ภายในยังมีเครื่องปรุงต่าง ๆ ที่หมักไว้ด้วยเช่นกัน สำหรับนัก ท่องเที่ยวที่มีเวลาจำกัดการร่ำเรียนอาจจบลงภายในเวลาไม่นานนัก พร้อมกับการลิ้มลองเมนูที่ได้ปรุงเสร็จไป แต่ใครที่ต้องการศึกษาศาสตร์การทำอาหารเกาหลีอย่างจริงจัง ก็สามารถมาเรียนได้โดยที่โรงเรียนแห่งนี้มีที่พักในสไตล์บ้านโบราณไว้รองรับ โดย เฉพาะในช่วงหน้าหนาวอย่างนี้ บริเวณโดยรอบจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน การได้นอนในบ้านที่มีห้องแบบอนดล ที่ใต้พื้นมีท่อทำความร้อนที่แผ่กระจายให้ความอบอุ่นไปทั่วทั้งห้อง เป็นความสงบท่ามกลางความสงบเงียบและธรรมชาติอันงดงามที่หาไม่ได้ง่าย ๆ นัก ส่วน ใครที่เป็นแฟนซีรีส์เกาหลีตัวยง ขอบอกว่าความสวยงามและเอกลักษณ์เฉพาะของโรงเรียนแห่งนี้ ทำให้ที่นี่ถูกเลือกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องชิกเกก ละครเรื่องล่าสุดของพระเอกหนุ่ม คิมแรวอน กับบทชายหนุ่มที่ต้องการก้าวขึ้นไปเป็นพ่อครัวมือหนึ่ง ซึ่งดัดแปลงมาจากการ์ตูนยอดฮิตด้วย
อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามไปได้ที่องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี โทร.0-2354-2080-1.
ที่มา เดลินิวส์



ส่วนผสม
1. ข้าว
2. แครอทสด หั่นฝอย
3. แตงกวาสด
4. ถั่วงอกลวก
5. ผักโขมลวก
6. กิมจิ
7. น้ำพริกเกาหลี หรือโคชูจัง 고추장(Red Holic sauce)
8. ไข่ ดาวหรือดิบก็ตามชอบ
9. น้ำมันงา
จะใส่ผักอื่นๆ ตามชอบก็ได้น่ะค่ะ

떡복이 ต๊อกบกกี




떡복이 ต๊อกบกกี
ต๊อก떡คือแป้งที่ทำมาจากข้าว มานวดให้เป็นแท่งหรือก้อน แล้วแต่อาหารที่จะทำ อาจจะเห็นได้จาก ซีรี่ส์เกาหลีหลายๆ เรื่องที่ไปนั่งกินตามร้านข้างถนน หน้าตาอาจจะคล้ายฮอทดอกใส่น้ำจิ้มบ้านเรา แต่รสชาติ ต่างกันอย่างมาก บางคนจะบอกว่าต๊อกบกกีมีรสชาติ คล้ายๆ สปาเกตตี้บ้าง แต่ค่อนข้างจะมีความเผ็ดจากน้ำพริกเกาหลีทำให้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง



ส่วนประกอบ

1.แป้งต๊อก - ถ้าในบ้านเรา สามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เกตที่ขายอาหารเกาหลีค่ะ มีขายแน่นอนค่ะ
2.น้ำพริกเกาหลี หรือโคชูจัง 고추장(Red Holic sauce)
3.หัวหอม
4.น้ำ
5.งาขาว(คั่วหอมๆ)
6.ต้นหอมหั่น

วิธีทำ

1.ตั้งน้ำแล้ว ใส่ โคชูจัง 고추장 ละลายให้เข้ากัน
2.ใส่แป้งต๊อก ไฟปานกลาง
3.ใส่หัวหอมและต้นหอม ลงไป อาจจะเติมปรุงรสนิดหน่อยก็ได้ค่ะ แล้วรอให้แป้งสุกน้ำข้นๆ
4.จัดใส่จาน โรยด้วยงาขาว พร้อมเสริฟ
อาจจะใส่เส้นต่างๆได้ หรืออาจจะใส่ไข่ต้มลงไปด้วยก็ได้

자장면 (จาจังมยอน)



자장면 (จาจังมยอน)
บะหมี่ดำ ที่อาจจะเห็นในหนังบ่อยๆ เป็นอาหารเกาหลีที่ได้รับอิทธิพลมาจากจีน และมีเอกลักษณ์ที่พิเศษที่ทำให้เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงชวนลิ้มลองเป็นอย่างมากก
ซึ่งอาจารย์คนเกาหลีเคยเล่าให้ฟังว่า ประเทศเกาหลีจะมีวัฒนธรรมอย่างหนึ่งกับการทานจาจังมยอน เป็นเฉพาะสำหรับคนที่ไม่มีคู่ ซึ่งหลังจากวันวาเลนไทน์ คือวันที่คู่รักฝ่ายหญิงจะเป็นคนมอบช็อกโกแลตให้กับฝ่ายชาย และ วันWhite Day คือวันที่ฝ่ายชายจะมอบช็อกโกแลตคืนให้ฝ่ายหญิงแล้ว เมื่อถึงวัน14 เมษายน Black Day คนที่ไม่ได้อะไรเลย ไร้คู่ ก็จะมานั่งทานบะหมี่ดำกัน อย่างเศร้าๆ บางคนอาจจะได้เจอกันก็ตอนมาทานบะหมี่อย่างเศร้าใจ แล้วกลับตกหลุมรักกันโดยบังเอิญได้


ส่วนประกอบ

1. เส้น - จะใช้เส้นอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็น โซบะ อุด้ง แนงมยอน แล้วแต่ความชอบ
2. 짜장 จาจัง (Black bean paste) – ซอสที่เป็นสูตรของคนเกาหลีโดยเฉพาะ หน้าตาคล้ายๆ ซีอิ้วดำบ้านเรา ราคาแพงนิดหน่อย
3. หัวหอมหั่นลูกเต๋า
4.แตงกวาหรือแตงกวาอันยาวๆ หั่นเป็นเส้นๆ
5.เนื้อสัตว์ - หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จะใช้อะไรก็ได้แล้วแต่ความชอบเลย
6.ซอสถั่วเหลือง (ชุนจัง 춘장)

วิธีทำ...
1.นำเนื้อสัตว์ลงไปผัดใส่น้ำตามเล็กน้อยพอไม่ให้ติดกะทะ ใส่หัวหอม แตงกวา ซอสจาจัง (หรือซีอิ๊วดำก็ได้ ^^)และซอสถั่วเหลือง (ชุนจัง 춘장)
2. ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสตามใจชอบ
4.ลวกเส้นให้พอสุกประมาณ 3-5 นาที (ความนานแล้วแต่ขนาดของเส้นด้วยค่ะ) นำเส้นไปจุ่มลงในน้ำเย็นจัดๆ แล้วจัดใส่จาน และราดน้ำซอสลงไป เสร็จพร้อมเสริฟ


แกงกิมจิ 김치찌게 (กิมจิชีเก)


แกงกิมจิ 김치찌게 (กิมจิชีเก)
(ชี-เก แปลว่า แกง หรือ soup)
แกงกิมจิ ที่หลาย ๆ คนทานแล้วบอกว่า รสชาติคล้าย ๆ แกงส้มบ้านเรา ซึ่งรสชาติก็คล้ายกันจริงๆค่ะ

ส่วนผสม
-กิมจิ
-หมูสามชั้น (แบบของเกาหลี เรียก ซัมกยอบซัล 삼겹살) หั่นบางๆ ค่ะ ถ้าเป็นเนื้อหมูก็ได้ค่ะ แต่จะไม่อร่อยเท่าสามชั้น
-น้ำตาลทราย
-ขิง
-น้ำเปล่า
-เต้าหู้
-ซีอิ้วขาว
-น้ำมันงา
-น้ำพริกเกาหลี หรือโคชูจัง 고추장

วิธีทำ
1. ใส่น้ำมันงาแล้ว ใส่หมูสามชั้นผัด
2. ใส่กิมจิที่หั่นไว้แล้ว
3. ใส่น้ำตาลทราย และ ขิงสับให้ละเอียดผัดให้หอม แล้วใส่น้ำพริกเกาหลี ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว
4. เติมน้ำเปล่าให้ท่วมกิมจินิดๆ ปิดฝา ตั้งไฟปานกลาง ค่อยๆ เคี่ยวไป
5. พอเริ่มเดือด ใส่เต้าหู้ แล้วก็คนให้เข้ากันนิดหน่อย ถ้าหากน้ำแห้งเกินก็ใส่น้ำเพิ่มได้ ปิดฝาอีกรอบ ลดให้เหลือไฟอ่อนค่ะ
6. รอจนเดือดอีกรอบ ประมาณ 5-10 นาที ลองชิม และ ดูว่าหมูนุ่มหรือยัง จากนั้นปิดไฟพร้อมเสริฟเลยค่ะ

ข้าวผัดกิมจิ 김치볶음밥



เครื่องปรุง
- ข้าวสวย
- กิมจิ (หั่นชิ้นเล็กๆหรือแล้วแต่ชอบเลยค่ะ)
- กระเทียมสับ
- น้ำมันงา
- น้ำมัน (สำหรับผัด)
- ต้นหอมซอย
และอาจจะใส่หมู ไก่ หรือเห็ด แล้วแต่ตามใจชอบเลยค่ะ


วิธีทำ

-ใส่น้ำมันเจียวกระเทียมให้หอม
-ถ้าจะใส่หมู ไก่ หรือเห็ด ก็ใส่ได้เลยตอนนี้ค่ะ
- แล้วนำกิมจิใส่ลงไปเลย ไม่ต้องมากน่ะค่ะเดี๋ยวจะทำให้ข้าวแฉะเอา
- ใส่น้ำมันงาเล็กน้อย เพื่อความหอมอร่อย
- นำข้าวใส่แล้วผัดให้เข้ากัน ปรุงรสนิดหน่อยตามใจชอบ ตักใส่จาน แล้วโรยหน้าด้วยหอมซอย เป็นอันเสร็จ อาจเพิ่มความอร่อยด้วยไข่ดาวก็ได้ค่ะ
(ในกิมจิก็มีเครื่องปรุงที่ได้ผสมไว้แล้ว อาจจะไม่ต้องปรุงรสเพิ่มก็ได้ )

กิมจิ kimji 김치



สิ่งแรกที่ทุกคนคิดถึง เมื่อนึกถึงเกาหลี ของอาหารเกาหลี ก็ต้องเป็น กิมจิ김치 (อ่านออกเสียงว่า คิมจิ) อย่างแน่นอน
กิมจิเป็นอาหารเกาหลีประเภทผักดองที่อาศัยภูมิปัญญาก้นครัวของชาวเกาหลี ด้วยการหมักพริกสีแดงและผักต่างๆ โดยทั่วไปจะเป็นผักกาดขาว ชาวเกาหลีนิยมรับประทานกิมจิทุกมื้อ และยังนำไปปรุงเป็นส่วนประกอบอาหารอีกหลายอย่าง เช่น ข้าวต้ม ข้าวสวย ซุป ข้าวผัด สตู บะหมี่ จนถึงพิซซาและเบอร์เกอร์ ปัจจุบันกิมจิมีมากมายหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีรสเผ็ด เปรี้ยว และมีกลิ่นฉุน จะสามารถหาทานได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป แต่ชาวเกาหลีมักทำกินเองที่บ้าน เพราะแต่ละบ้าน จะมีสูตรที่ไม่เหมือนกัน จึงทำให้รสชาติต่างกันออกไป อาจจะเห็นได้จาก ตามร้านอาหารเกาหลี กิมจิของแต่ละร้าน ก็จะรสชาติไม่เหมือนกัน ซึ่งบางร้านก็จะออกเค็ม บางร้านออกเปรี้ยว ก็ตามแต่สไตล์แต่ละร้าน ดังนั้นเรามาเรียนรู้วิธีทำกิมจิกันดีกว่า......(สูตรนี้มาจากประสบการณ์ตรงของตัวเองเลยน่ะค่ะ )




ส่วนผสม

- ผักกาดขาวปลี

- หัวไชเท้า

- แครอทเกลือหยาบ(เกลือทะเล)

- น้ำตาลทราย

- ขิงสับ

- กระเทียมสับ

- ต้นหอม หั่นเป็นท่อน ๆ

- งาคั่ว

- น้ำกระเทียมดอง

- น้ำปลา (เพื่อปรับให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น บางที่จึงอาจจะไม่ใส่)

- และที่สำคัญที่สุด พริกเกาหลี หรือ โคชูการู(고추가루) หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
วิธีทำ

- นำผักกาดขาวล้างให้สะอาดผ่าครึ่งหั่นตามแนวยาว ใส่น้ำลงในหม้อที่จะใส่ผัก แล้วใส่เกลือลงไปขยำผักกาดเกลือป่นทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที แล้วล้างผักด้วยน้ำสะอาด 1 ครั้ง แล้วบีบน้ำออก แล้วนำผักลงในชามหรือหม้อที่สะอาด หรือรอดูให้ผักค่อนข้างเหี่ยวๆเล็กน้อย
- นำแครอท หัวไชเท้าหั่นให้เป็นเส้นๆ และหั่นต้นหอมขนาดเท่าๆกัน
- สับกระเทียมให้หยาบๆ หรือปั่น ก็ได้
- นำ น้ำตาล น้ำปลา พริกเกาหลี หัวไชเท้า แครอท กระเทียม ขิง ต้นหอม งาคั่ว น้ำกระเทียมดอง คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติให้พอดี แล้วค่อยใส่ผักกาดขาวลงไปผสม หรือจะนำมาทาทีละใบก็ได้
ซึ่งหลังจากทำเสร็จแล้วสามารถรับประทานได้เลย หรืออาจจะหมักทิ้งไว้ 1 คืน เพือให้ออกรสเปรี้ยวเพิ่มขึ้น แล้วจึงนำใส่ตู้เย็นเพื่อคงความอร่อยไว้เหมือนเดิม
กิมจิยังสามารถนำมาทำอาหารอื่นๆได้อีก อย่าลืมติดตามกันน่ะค่ะ แล้วจะนำวิธีทำอาหารอื่นๆ มาเล่าอีกค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
Cr : Jeanzii














Copyright 2009 The Korea ... K o r e a n :)). All rights reserved.
Free WPThemes presented by Leather luggage, Las Vegas Travel coded by EZwpthemes.
Bloggerized by Miss Dothy